รุหกชาดก ชาดกว่าด้วยรุหกะปุโรหิต
ปุโรหิตได้นำเอาเครื่องม้าต้นมาสวมใส่ร่างกายของตนเองตามคำยุยงของภรรยา ผู้คนต่างพากันขบขัน แต่ก็แสร้งชมด้วยความเกรงใจ ปุโรหิตปลาบปลื้มกับคำชื่นชมนั้นได้ไม่เท่าไหร่ เมื่อเดินผ่านพระพักตร์พระเจ้าพาราณสี ความเป็นจริงก็ปรากฏให้รู้
สีหจัมมชาดก ชาดกว่าด้วยลาห่มหนังสิงโต
พ่อค้าเจ้าเล่ห์เอาหนังสิงโตที่ตัวเองเก็บไว้ขายให้คหบดีอีกเมืองหนึ่งมาคลุมตัวลาของตน แล้วนำลาไปปล่อยไว้ในนาข้าวสาลีของชาวบ้าน ส่วนตนก็เดินทางไปขายของตามปกติ
สัพพาทาฐิชาดก ชาดกว่าด้วยผู้มีบริวารมากเป็นใหญ่ได้
ปุโรหิตผู้หนึ่งของพระเจ้าพรหมทัตได้ฝึกซ้อมสาธยายมนต์ที่ชื่อว่า ปฐวีวิชัยมนต์ ปรากฎว่ามีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งแอบได้ยินและสามารถจดจำมนต์นั้นได้ และคิดการใหญ่โดยได้ยกกองทัพสัตว์เดรัจฉานหมายทำการรบกับพระเจ้าพาราณสีหวังจะแย่งชิงราชบัลลังค์
สมุททชาดก ชาดกว่าด้วยสมุทรสาคร
“ เจ้ากาเอ๋ย ทำไมเจ้าต้องไปเที่ยวร้องเตือนฝูงสัตว์ ฝูงปลาให้กินน้ำอย่างประหยัดล่ะ เจ้ามีเหตุผลอะไรของเจ้ารึ ” “ ท่านเทวดา ข้าคือนกกาน้ำผู้กินจุ ข้าต้องการจะดื่มน้ำทะเลนี้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าสัตว์ตัวอื่น ๆ กินกันเยอะ ๆ อย่างนี้ ข้ากลัวว่าน้ำทะเลจะหมดเสียก่อน ข้าจึงร้องห้ามยังไงละท่าน ”
สุวรรณหังสชาดก ชาดกว่าด้วยความโลภ
เหล่าภิกษุณีได้นำกระเทียมภายในไร่ของอุบาสกซึ่งออกปากถวายไว้แล้ว กลับวิหารเชตวันอย่างมากมายไม่รู้จักประมาณ พฤติกรรมอันโลภมากนั้นไม่สมควรทำ เมื่อคนเฝ้าไร่พากันตำหนิเหล่าสงฆ์ในพระวิหารก็พลอยอับอายและโกรธเคืองไปด้วย
สุวรรณสามชาดก ชาดกว่าด้วยผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี
ข้าพเจ้าเป็นบุตรฤาษี ชื่อว่าสุวรรณสาม บัดนี้บาดเจ็บสาหัสต้องตายด้วยคมศรของท่าน ทุกข์อันสาหัสนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เกิดในโลก ข้าพเจ้าจึงไม่ได้โกรธเคืองท่าน สงสารแต่บิดามารดาผู้ตาบอด ซึ่งมีเพียงข้าพเจ้าเท่านั้นที่ดูแล เมื่อขาดอาหารและน้ำ ท่านทั้งสองก็คงต้องตายตาม ทุกข์ที่พลัดพรากจากบิดามารดาผู้ไร้คนดูแลนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกข์ที่จะต้องตายด้วยคมศรนี้หลายเท่านัก
สกุณีคติชาดก ชาดกว่าด้วยไม่หากินไกลถิ่น
เมื่อโผ่ขึ้นสูงได้ระดับ พญาเหยี่ยวก็ตีลังกาพุ่งดิ่งลงยังนกมูลไถบนพื้นดิน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งทวีความเร็วมากขึ้น นกมูลเตรียมตัวพร้อมอยู่บนก้อนดินซึ่งมันคัดเลือกไว้ แล้วก็กระโดดหลบไปใต้ก้อนไถอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติของมัน พญาเหยี่ยวนักล่าเมื่อยั้งไม่ทันก็ไถลเข้ากระแทกก้อนดินไถอันแหลมคมสุดแรงเกิด เลือดพุ่งทะลักออกจากร่างปักคาก้อนดินไถอย่างสิ้นฤทธิ์
อนุสาสิกชาดก ชาดกว่าด้วยเรื่องดีแต่พูด
ในนครสาวัตถี ยังมีภิกษุณีผู้ชอบพร่ำสอนอยู่รูปหนึ่ง มีนิสัยชอบสั่งสอนและมักห้ามภิกษุณีรูปอื่น ๆ มิให้เข้าไปในที่หวงห้าม แต่ตนเองก็มิได้กระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี กลับละเมิดเข้าไปในที่หวงห้ามเสียเอง
กูฏวาณิชชาดก ชาดกว่าด้วยหนามยอกเอาหนามบ่ง
นายบัณฑิตนั้นไม่ใช่คนโง่ เขาสังเกตเห็นพิรุจหลายอย่างจึงคิดพิสูจน์ว่ารุกขเทวดาที่ต้นไม้นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ “ สหายจะให้เราเชื่อเช่นนั้นก็ได้ แต่เราขอพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนนะ ” นายบัณฑิตได้เดินไปเก็บฟืนแล้วนำกองไว้ที่โคนต้นไม้ จุดไฟเผาในโพรงไม้นั้น “….เดี๋ยวเถอะจะได้รู้กันว่าเทวดาจริงหรือเทวดาปลอมกันแน่...”
นังคลีสชาดก ชาดกว่าด้วยคนพาลกล่าวคำที่ไม่ควรกล่าว
“ มานพนี้ เมื่อกล่าวว่างูเหมือนงอนไถ่ ก็กล่าวถูกต้องก่อนแล้ว แม้กล่าวว่าช้างเองก็เหมือนงอนไถ ก็คงพอจะกล่าวได้ด้วยเล่ห์ที่หมายเอางวงช้าง แม้กล่าวว่าอ้อยเหมือนงอนไถ่ก็ยังพอเข้าท่า แต่นมส้มนมสด ขาวอยู่เป็นนิจ ทรงตัวอยู่ได้ด้วยภาชนะ ไม่น่าจะกล่าวอุปมาในข้อนี้ได้โดยประการทั้งปวงเลย เราไม่อาจให้คนเลื่อนเปื้อนผู้นี้ศึกษาได้อีกเสียแล้ว ”